กาแฟอราบิก้าไทยต้องพัฒนาคุณภาพ เพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้น และ
ลดต้นทุนการผลิตเพื่อรับการค้าเสรีอาเซี่ยน
….

   ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.พงษ์ศักดิ์ อังกสิทธิ์ นายกสมาคมกาแฟอราบิก้าภาคเหนือ
ให้ข้อมูลเรื่องกาแฟอราบิก้าของไทยเรา มีพื้นที่ปลูกหลักอยู่ในภาคเหนือ ในปี 2557
พื้นที่ให้ผลผลิตรวม
53,127 ไร่ ปริมาณผลผลิต 8,500-9,000 ตัน ปลูกอยู่ใน 8 จังหวัด
คือ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน น่าน ลำปาง ตาก แพร่ และอุตรดิตถ์ โดยจังหวัดเชียงรายมีพื้นที่ปลูกมากเป็นอันดับหนึ่ง จำนวน
24,305 ไร่ รองลงมาคือเชียงใหม่ 17,113 ไร่ ซึ่งเป็น 2 จังหวัดที่มีพื้นที่การปลูกมากที่สุด ซึ่งความต้องการกาแฟอราบิก้าในภาคเหนือมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ทั้งผลิตภัณฑ์กาแฟคั่วบดและ ธุรกิจกาแฟชงสดที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างมาก 



 ทั้งนี้ ผลผลิตกาแฟอราบิก้าที่ผลิตได้ทั้งหมดแบ่งเป็นการบริโภคภายในประเทศราว 50% และส่งออกราว 50% ซึ่งปริมาณผลผลิตที่ได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ การขยายพื้นที่เพาะปลูกทำได้ค่อนข้างยาก เพราะส่วนใหญ่ปลูกบนพื้นที่สูง มีความลาดชันสูงซึ่งทำให้กระบวนการปลูกและทำงานในพื้นที่ทำได้ยากยิ่งขึ้น จึงมีข้อจำกัดเรื่องการขยายพื้นที่ 



  ขณะที่ในอนาคตการผลิตกาแฟอราบิก้าของไทย อาจมีข้อเสียเปรียบทางการแข่งขันกับประเทศ
ในกลุ่มอาเซียน ซึ่งไทยมีผลผลิตต่อไร่ต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศในอาเซียน ขณะที่ต้นทุนการ
ผลิตไทยค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับหลายประเทศ ทั้งค่าจ้างแรงงานที่ค่อนข้างสูง ค่าใช้จ่ายต่อไร่สูง
 หลายประเทศมีพื้นที่ปลูกและผลผลิตมากกว่า อาทิ ลาวมีพื้นที่ปลูกกาแฟอราบิก้า 15,300 ไร่ มีผลผลิตต่อปี 17,678 ตัน 



ด้านเวียดนามมีพื้นที่ปลูกกาแฟอราบิก้า 38,000 ไร่ ผลผลิตต่อปี 57,000 ตัน
ขณะที่อินโดนีเซียมีพื้นที่ปลูกกาแฟทุกชนิด
1,240,744 ไร่ มีผลผลิตกาแฟอราบิก้า
ปีละ
162,658 ตัน ซึ่งหากเปิด AEC คาดว่าผลผลิตกาแฟอราบิก้าในหลาย ๆ
ประเทศของอาเซียนจะถูกนำเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น และหากไม่มีภาษี
ก็อาจส่งผลกระทบต่อการผลิตกาแฟอราบิก้าทางภาคเหนือ
 



ดังนั้นภาครัฐและเกษตรกรต้องเร่งพัฒนากาแฟอราบิก้าให้มีคุณภาพที่สูงขึ้นโดยเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อให้ได้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้นลดต้นทุนการผลิตลงและพัฒนาการผลิต
ให้ได้มาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี
 (Good Agricultural Practice : GAP) หรือ
มุ่งพัฒนากาแฟอราบิก้าให้เป็นกาแฟอินทรีย์หรือออร์แกนิก เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ
ทางการแข่งขันกับประเทศในกลุ่มอาเซียนในอนาคต


เรื่องจาก :
Prachachat