
พันธุ์กาแฟ (Coffee Varieties)
กาแฟอราบิก้า แยกสายพันธุ์ต่างๆ (Arabica coffee
varieties)
กาแฟอราบิก้ามีโครโมโซม
ที่สามารถผสมตัวเองได้ ทำให้มีการผสมภายในสายพันธุ์
(inbreeding) โดยไม่ทำให้เกิดผลเสีย แต่อาจจะมีการแตกผ่าเหล่าขึ้นได้ เกิดเป็นสายพันธุ์ต่างๆหลายสายพันธุ์
พอแยกพันธุ์สำคัญได้ อาทิ
๐ พันธุ์ทิปปิก้า
(Typica)
มีลักษณะเด่นยอดเป็นสีทองแดง ติดลูกห่างระหว่างข้อ มีใบเล็กเรียบ
เจริญเติมโตเร็ว แต่ไม่ทนต่อโรคฯลฯ
เป็นพันธุ์ดั่งเดิมต้นกำเนิดของกาแฟอราบิก้า เริ่มปลูกในเยเมน
แล้วแพร่หลายไปสู่ประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย อเมริกาใต้ ฟิลิปปินส์และฮาวาย
(ภาพขวามือ)
๐ พันธุ์บลูเมาเทน
(Bule Mountion)
กลายพันธุ์มาจากพันธุ์ทิปปิก้า
นำไปปลูกที่บลูเมาเทนในจาไมก้า มีความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมบนภูเขาที่สูง เป็นกาแฟที่มีคุณภาพและรสชาติดีมาก เป็นที่ยอมรับของตลาดผู้บริโภค ถือว่าเป็นกาแฟมีชื่อเสียงอันดับหนึ่งของโลก จึงมีราคาแพงที่สุดเช่นกัน
๐ พันธุ์มอกก้า
(Mocha หรือ
Mokka)
เป็นกาแฟส่งออกผ่านท่าเรือ โมช่า(Mocha)
ใช้ชื่อการค้าว่า ม๊อกกา (Mokka) ใประเทศอินโดนีเซีย มีความแตกต่างอย่างมากจากพันธุ์ที่ปลูกในแหล่งเดิม มีเอกลักษณ์กลิ่หอมผลไม้คล้ายโกโก้ อย่างไรก็ตามพันธุ์นี้มีผลทางเศรษฐกิจน้อยมาก
เพราะมีปริมาณผลผลิตจำกัดที่ออกสู่ตลาด
๐ พันโคน่า
(Kona)
เป็นที่รู้จักดีสำหรับคอกาแฟในคุณภาพและรสชาติที่ติดอันดับต้นๆของกาแฟทั่วโลก
ตามรูปแบบของกาแฟพันธุ์ทิปปิก้า ได้นำมาจากเมืองริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล
มาปลูกในเมืองโคน่า ประเทศฮาวาย ภายใต้ชื่อการค้า
"ฮาวายโคน่า"มีราคาที่แพงที่สุดในตลาดโลกเช่นเดียวกับ บลูเมาเทน
กาแฟอราบิก้ายังแยกพันธุ์ผสมอื่นๆอีกเป็นจำนวนมากมาย คือพันธุ์คาทูร่า
(Catura)
พันธุ์คาทุย (Catuai) พันธุ์เบอร์บอน
(Bourbon) พันธุ์เค้นส์ (Kent)ฯลฯ
ซึ่งส่วนใหญ่จะพิจารณาเห็นว่าเป็นชื่อจากแหล่งการเพาะปลูก
หรือเมืองที่ปลูก อันมีรายละเอียดและความดีเด่น ในทุกมุมอย่างกว้างขวาง
ตามข้อมูลการศึกษา-วิจัย

กาแฟอราบิก้าไทย
พันธุ์อราบิก้าชื่อ "คาติมอร์" (CatiMor)
เป็นการเรียกชื่อพันธุ์มาจากคำว่า คาทูร่า(Catturra)
และ ไฮบริโด เดอ ติมอร์(Hibrido de Timor)
เป็นชื่อเรียกตามการผสมข้ามสายพันธุ์ ระหว่างคาทูร่าผลแดง
เป็นต้นแม่พันธุ์ และ ไฮบริโด เดอ ติมอร์เป็นต้นพ่อพันธุ์ ผลการผสมระหว่างลูกผสมข้ามชนิด
ทำให้ลูกผสมที่ได้มีความต้านทานต่อโรคราสนิม และ ได้ลักษณะทรงเตี้ย
ผลผลิตสูง และใช้หมายเลข CIFC 19/1 และ
832/1
ซึ่งกำหนดโดยนักปรับปรุงพันธุ์พืชที่ Centro de
Investicao -das Ferrugens de Cafeeiro (CIFC) ในประเทศโปรตุเกส
สถานีวิจัย CIFC
ได้เริ่มแผนการปรับปรุงพันธุ์ในตอนต้นปี พ.ศ.2503 เป็นลูกผสมรุ่นที่ 1
รวมทั้งการศึกษาทดลองผสมพันธุ์กับกาแฟอราบิก้าตัวอื่นๆ
อีกจำนวนมากมายหลายรุ่น หลายชั่วอายุสายพันธุ์
และได้นำมาคัดเลือกความต้านทานโรคราสนิม โรคอื่นๆในเมืองไทย
รวมทั้งค้นหาศักยภาพในการให้ผลผลิต และ คุณภาพที่ดี ณ
โครงการศูนย์วิจัยและพัฒนากาแฟบนที่สูง คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ
ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ ของกรมวิชาการเกษตร
รวมทั้งหน่วยงานพัฒนาเกษตรที่สูงหลายหน่วยงาน จนเป็นที่ยอมรับว่า
พันธุ์กาแฟคาติมอร์ มีคุณภาพดีเหมาะสมแด่การส่งเสริมไปสู่แปลงปลูกของเกษตรกรชาวไทยภูเขา มาจนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามการศึกษา-วิจัย และติดตามประเมินผล ต่อปัญหาที่เกิดขึ้นกับการเจริญเติมโต การดูแลรักษา ปรับปรุงบำรุงพันธุ์ก็ยังต้องมีต่อไป.