ติวกันสักนิดก่อนสั่งกาแฟ...Coffee Course

  
    แม้ว่าเราจะรู้จักกาแฟอย่างชาวตะวันตกมาได้สักระยะ แต่เชื่อว่าคงมีอยู่หลายครั้งที่เรามักไปยืนเก้ ๆ กัง ๆ
พลางคิดว่าจะสั่งอะไรดี เพราะนอกจากชื่อเรียกที่แสนยาก ส่วนผสมต่าง ๆ ก็ยิ่งทำให้เราจำสลับกันอีก
ดังนั้นเพื่อความมั่นใจ เราจึงขอทบทวนความจำอีกสักครั้งก่อนจะสั่งกาแฟแก้วต่อไป

 

 

Espresso : กาแฟดำ

  ตั้งแต่ชาวอิตาเลียนสร้างเครื่องชงกาแฟที่เรียกว่า "เอสเปรสโซแมชชีน" ขึ้นมา
เอสเปรสโซก็กลายเป็น ส่วนผสมพื้นฐานของกาแฟทุกแก้วมาตั้งแต่นั้น

เอสเปรสโซคือกาแฟแก้วเล็ก ๆ ที่ใช้เวลาชงประมาณ 18-30 วินาที แล้วแต่สูตรของบาริสตาที่จะกำหนดว่าเวลาเท่าไรจึงจะเป็น "เพอร์เฟ็กต์ช็อต" จนออกมาเป็นความงามซึ่งประกอบไปด้วยสีดำสนิทตรงก้นแก้ว (The Heart) หัวใจของความขมและหอม ตามด้วยบอดี้ (Body) น้ำกาแฟสีน้ำตาลเข้ม และด้านบนสุดก็คือพรายฟองสีน้ำตาลทองที่
เรียกว่า "เครมา" (Crema)


Cappuccino : กาแฟใส่หมวก



ชื่อเรียกแสนหวาน "คาปุชชิโน" นี้มาจากลักษณะของกาแฟที่มีฟองขาวเนียนด้านบนคล้ายหมวกของพระในสมัยก่อน ซึ่งชาวอิตาเลียนเรียกกันว่า "คาปูชิน" โดยกาแฟนี้เป็นส่วนผสมที่เท่า ๆ กันของเอสเปรสโซ นมร้อน และฟองนม อย่างละหนึ่งส่วน

วิธีการดื่มกาแฟใส่นมที่ถูกต้องนั้นเราไม่นิยมคนกาแฟให้เสียจริต แต่จะค่อย ๆ จิบกาแฟให้ไหลผ่านนมและฟองนมจนหมด ปล่อยให้เหลือเพียงคราบฟองนมในแก้ว...และริมฝีปาก (ฮา)
 

Caffe Latte : กาแฟใส่นม (เยอะ)

จริง ๆ แล้วส่วนผสมของคาปุชชิโนและ "ลาเต้" แทบไม่ต่างกัน แต่ใครที่เคยจำสับสนก็ให้ท่องไว้ว่า ลาเต้เป็นกาแฟใส่นม (เยอะ) สมชื่อ เพราะลาเต้แปลว่า "นม" โดยเราจะใส่นมร้อนเพิ่มขึ้นมาจากคาปุชชิโน 1 ส่วนมาเป็น 2 ส่วน ดังนั้นเมื่อถึงเวลาเสิร์ฟ ขนาดแก้วของลาเต้จะใหญ่อวบอ้วนกว่ากาแฟคาปุชชิโน เพราะปริมาณนมร้อนที่เพิ่มขึ้นมานั่นเอง

 




 

Mocha : กาแฟ + ช็อกโกแลต

ถ้าใครรักพี่เสียน้อง อยากกินกาแฟด้วยช็อกโกแลตด้วย เห็นทีคงต้องสั่ง "มอคคา" ซึ่งแท้จริงแล้วคำว่ามอคคาเป็นชื่อของกาแฟคั่วที่มาจากเมืองมอคคา ประเทศเยเมน โดยคาแรกเตอร์ของกาแฟนี้ก็คือกลิ่นหอม ๆ ของช็อกโกแลตที่แทรกซึมในตัวกาแฟ ดังนั้นเมื่อมีการชงกาแฟผสมด้วยช็อกโกแลตและนม เราจึงขนานนามกันว่า "มอคคา" เพื่อเป็นเกียรติแก่กาแฟต้นตำรับ
 

 

Americano : กาแฟเติมน้ำ

หลายคนอาจเคยได้ยินว่า "อเมริกาโน" ก็คือโอเลี้ยงบ้านเราดี ๆ นี่เอง ซึ่งนั่นนับเป็นคำพูดที่ถูกต้องเลย เพราะอเมริกาโนเกิดจากกาแฟเอสเปรสโซ่ 1 ช็อต แล้วเติมน้ำเพิ่มเข้าไปเพื่อลดระดับความขมเข้มของชาวอิตาเลียนให้กลายมา
เป็นความขมตามแบบฉบับชาวอเมริกัน โดยในระยะหลังมักอาศัยการเติมน้ำร้อนลงในถ้วยก่อน แล้วตามด้วยช็อตเอสเปรสโซเพื่อให้เครมาสีน้ำตาลทองยังคงอยู่อย่างสวยงาม

 

 

 

Macchiato : กาแฟทิ้งรอย

คำว่า "มัคคิอาโต" ในภาษาอิตาเลียนแปลว่า "การทำเครื่องหมาย" ฉะนั้นในโลกของกาแฟ ถ้ามีคำว่ามัคคิอาโตขึ้นมาเมื่อไร ความสวยงามจะต้องบังเกิด ถ้าเราสั่ง "คาเฟ่มัคคิอาโต" ก็จะเป็นกาแฟเอสเพรสโซปิดหน้าด้วยฟองนม ก่อนทำเครื่องหมายด้วยการเทนมอุ่นลงไปตรงกลางแก้วจนเห็นเป็นชั้นสวยงาม ในขณะที่ "ลาเต้มัคคิอาโต" จะเป็นนมร้อนที่ถูกทำเครื่องหมายด้วยกาแฟเอสเปรสโซ

ปิดท้ายด้วยแก้วโปรดของคนหลงรักความหวานหอม "คาราเมลมัคคิอาโต" (Caramel Macchiato) ซึ่งก็คือนมร้อนผสมคาราเมล แล้วทำเครื่องหมายสีน้ำตาลด้วยกาแฟเอสเปรสโซ ถ้ายิ่งปิดหน้าด้วยฟองนม แต่งหน้าด้วยคาราเมลอีกสักรอบ ก็จะยิ่งสวยหวานเข้าไปอีก

อยากจะสั่งกาแฟเสียแล้วสิ

แหล่งข้อมูล

- บทความ "คำขานนามกาแฟ" นิตยสารสารคดี ฉบับพฤษภาคม 2555

บทความโดย รตินันท์ สินธวะรัตน์ คอลัมน์ Nice To Know นิตยสาร Gourmet & Cuisine ฉบับที่ 154 เดือนพฤษภาคม 2556